@@@...ร่วมให้กำลังใจ เพื่อนๆ สมาชิก โดยการ Comment ภาพที่เขา Post มากันหน่อยก็ดี นะครับ !!
Add a comment.

WHO'S ONLINE / จำนวนผู้เข้าชมหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

@ เป็นเพราะรัก


เป็นน้ำค้าง ที่พร่างพรม บนผืนหญ้า

เป็นธารา หมู่มัจฉา มาแหวกว่าย

เป็นนภา เพื่อเมฆา พลิ้วพรรลาย

เป็นจันทร์ฉาย ที่ปลายฟ้า ยามราตรี


เพราะยอดหญ้า รอน้ำค้าง กลางเวหน

เพราะว่ายวน ล้วนพึ่งพา สาครนี้

เพราะว่าเมฆ อยู่บนฟ้า ทุกนาที

เพราะสุรีย์ รุจิรา ทิวาบรรพ์


รักต้องล้น อดทน จนสมรัก

รักต้องหนัก ซื่อตรง คงอย่างนั้น

รักต้องใช้ น้ำใจ ให้แก่กัน

รักต้องมั่น ทุกวัน นิรันดร
โดย Omsin Vitoonphong,.....๒๘.๐๒.๒๕๕๔
(ขอบคุณภาพจาก internet และเพลงจาก YouTube นะครับ)

@ กลัวที่ไหน


-เดินไปหา ภรรยา เตะคอหัก

ส่ายไม่พัก เตะพัดลม ให้จ่อนิ่ง

เรียกออมทำ กับข้าว ช่างกล้าจริง

เดี๋ยวโดนทิ้ง ถ้าไม่รีบ ส่งหม้อมา


บอกให้ออม ล้างจาน น้ำยาเล่า

ถ้าไม่เอา มาให้ ก็ต้องหา

ไม่สะอาด หรอกจ๊ะ ขาดน้ำยา

อย่าชักช้า หยิบมา เดี๋ยวจะโดน


เห็นนั้งนาน รำคาญ พาลโดนตบ

ให้เลือดกลบ เละเทะ เตะผาดโผน

ไล่ไม่ไป ใช้เตะ ก็ไม่โดน

เสียงตะโกน ตบให้ที มีแต่ยุง



Omsin Vitoonphong,.........๒๘.๐๒.๒๕๕๔
(ขอบคุณภาพจาก internet และเพลงจาก YouTube นะครับ)

@ หอมหอม ฟูฟู

(ขอบคุณภาพจาก internet นะครับ)
-เวลาหิว เข้าครัว มองหาไข่

เหลือสองใบ พอดี สีเหลืองสวย

จะยากจน ลำบาก หรือร่ำรวย

ไข่นั้นช่วย ประทัง รั้งกายา


-คนชอบคิด ว่าไข่เจียว นั้นเรื่องหมู

แค่ทอดฟู สีเสมอ ยากเธอจ๋า

ยังรสชาติ ของมันอีก ละแก้วตา

ยังคิดว่า เรื่องหมูหมู อีกมั้ยคุณ


-ตอนตอกไข่ ถ้าไข่ใหม่ สีจะสด

ซีอิ้วหยด อย่าให้รัว เป็นกระสุน

ถ้าเค็มเกิน เสียรสชาติ ขาดสมดุล

ไม่ต้องลุ้น ความอร่อย ปล่อยไปเลย


-ตอนตีไข่ หยดมะนาว สักสองหยด

เติมนมสด สองช้อนชา อย่าอยู่เฉย

ตีรวดเร็ว หมุนทางเดียว อย่าเปลี่ยนเลย

ที่ยอมเผย เอ่ยมา ว่าสำคัญ


-เวลาทอด ไฟกลาง ปล่อยร้อนจัด

พอไข่ซัด ลงไป ไว้อย่างนั้น

ขอบเริ่มเหลือง แล้วกลับ เร่งไฟพลัน

ไฟแรงนั้น ไล่ไขมัน ไม่เกาะตัว


-วางไปบน ข้าวร้อนร้อน มือซ้ายจับ

มือขวารับ ช้อนสั้น อย่าพึ่งหัว

ถืออย่างนี้ เพิ่มอร่อย เป็นเท่าตัว

เรื่องนี้ชัวร์ ลองหลายอย่าง ต่างวิธี


-ใช้ช้อนสั้น ตัดไข่ ที่เดียวขาด

นุ่มประหลาด ความฟูพร้อม หอมเต็มที่

เคี้ยวไปแล้ว แทบละลาย ในทันที

.เค็มพอดี ผิวนอกกรอบ ในนุ่มนวล



Omsin Vitoonphong,.....๑๖.๑๑.๒๕๕๓

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

@ ส้มตำเปรต




ส้มตำไทย ตำปลาร้า ส้มตำปู
ทุกคนรู้ วิธีตำ ทำบ้างแล้ว

อยากให้สูตร ตำอีกอย่าง ไว้เป็นแนว

แต่อย่าแจว ไปทำ ระยำเกิน


ส้มตำนี้ ชื่อแสนต่ำ ส้มตำเปรต

มีกิเลส เป็นเชฟ เสพไม่เขิน

ต้องจัญไร ถึงปรุงได้ ใจเพลิดเพลิน

คนสรรเสริญ ไม่มี ชี้อย่าทำ


อุปกรณ์ คือใช้ ครกประเทศ

สากวิเศษ เปลี่ยนบ่อย อร่อยล้ำ

เรียกว่าสาก มนตรี สากผู้นำ

เปลี่ยนกันทำ เป็นสาก ลากกันมา


งบประมาณ ทำให้รับ สับเป็นเส้น

ส่วนจะเน้น มากน้อย ตามโควตา

คมนาคม กลาโหม โถมลงมา

การศึกษา การเกษตร อนามัย


แล้วแต่ชอบ รสไหน ใส่ไปเถอะ

เอาให้เยอะ ที่สุด ที่ใส่ได้

ตำให้ดี คลุกเคล้า เข้ากันไป

หกเมื่อไหร่ มีคนจ้อง ฟ้องคนทำ


ตักดีดี ยกเสริฟ เปิบอร่อย

แต่ไม่ย่อย เพราะปรุง จากความช้ำ

จากผู้คน จนยาก ลำบากทำ

ชาติตกต่ำ แต่คนทำ ยิ่งร่ำรวย


กินเข้าไป อร่อยปาก ยากทีหลัง

ผู้คนชัง สาปแช่ง แรงซะด้วย

ถึงที่สุด ตกต่ำ ระยำซวย

จะมอดม้วย ซวยทั้งโคตร โปรดระวัง


 
เขียนโดย : ออมสิน ๑๗.๐๒.๒๕๕๔
ภาพโดย : http://www.google.co.th/imglanding?q=

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

@ ชอบทั้งนั้น


-เบค่อน ทอดให้กรอบ.....แฮมไม่ทอด ดอดไปนึ่ง

ไข่แดง ดิบนิดนึง..........ไข่ขาวแห้ง แฝงนิ่มนวล


-วางไป กับใส้กรอก........ซ้อดกระฉอก พริกไทยสวน

น้ำส้ม สุดเย้ายวน...........สายน้ำผึ้ง ถึงนิยม


-ซุบร้อน ซดตอนเลี่ยน.......ก่อนจะเวียน ไปขนม

กาแฟ อย่าใส่นม...........เพิ่มเนยสด บนหนมปัง


-ไล้แผ่ว ด้วยแยมส้ม........กาแฟขม ซดตามหลัง

หอมหวาน รวมประดัง......แล้วล้างปาก จากแตงโม


-น้ำเย็น เตรียมเอาไว้.......ยาอุทัย ใส่อักโข

ซดฮวบ อึกโตโต...........หอมสดชื่น อิ่มพอดี


ออมสิน ๐๓.๐๒.๕๔

@ ไม่ มี วัน ที่ ฟ้า ไม่ เปิด


ไม่ มีวัน ที่ฝน ตกตลอด

ไม่ มีวัน ใจถอด โดยไม่สู้

ไม่ มีวัน ไม่ผัน เปลี่ยนฤดู

ไม่ มีวัน อดสู อยู่ต่อไป


มี ชีวิต เกิดมา ชีวิตหนึ่ง

มี ชีวิต ที่ซึ่ง สุขสดใส

มี ชีวิต ทำผิด คิดพลาดไป

มี ชีวิต เริ่มใหม่ ตลอดกาล


วัน ข้างหน้า รอไว้ ให้สู้ต่อ

วัน ข้างหน้า ไม่ท้อ แม้ขมหวาน

วัน ข้างหน้า ยิ้มสู้ รู้เบิกบาน

วัน ข้างหน้า ขับขาน เสียงดนตรี


ที่ ตรงนี้ ให้ไว้ ใช้ซบอก

ที่ ตรงนี้ ให้พก ความสุขขี

ที่ ตรงนี้ ให้แน่ แต่ความดี

ที่ ตรงนี้ ให้เหลือ เพื่อพักใจ


ฟ้า ไม่เป็น คืนค่ำ ดำตลอด

ฟ้า ไม่ทอด ทิ้งคน อดทนไว้

ฟ้า นั้นอยู่ ดูเรา เศร้าไปใย

ฟ้า ใช่ไหม ที่ยึนยง คงกระพัน


ไม่ ทดท้อ รอปัญหา ต้องกล้าสู้

ไม่ หดหู่ ดูหนทาง สร้างใจมั่น

ไม่ ตัดพ้อ ต่อว่า สารพัน

ไม่ หวาดหวั่น ฝ่าฟัน อย่างมั่นคง


เปิด ใจรับ ความดีไว้ ให้คงอยู่

เปิด ประตู ไล่ความชั่ว อย่ามัวหลง

เปิด ใจกว้าง รู้จักวาง รู้จักปลง

เปิด รับองค์ พระพุทธ วิมุติธรรม
 
 
 
ออมสิน ๒๒.๑๐.๒๕๕๓

@ สติมา...ปัญญาเกิด


บางเวลา พาใจรวน ชวนน้ำโห

บ้างวิ่งโล่ โชว์ความเก่ง เร่งอักษร

ร่ายหลายบท หยดย้อยยิ่ง จริงบทกลอน

ดั่งคล้ายศร จรหันปัก หลักที่เดิม


เริ่มต้นใหม่ ตั้งสติ มีบรรเจิด

คำล้ำเลิศ เพริศพริ้ง จึงมาเสริม

จับลงเรียง เคียงคู่ ดูอ่านเคลิ้ม

อารมณ์เดิม เติมพรั่ง พรูล้นทรวง


ความรวนเร เรรวน หายหมดสิ้น

ไม่ยึดติด พิศอยู่ รู้ทุกช่วง

เริ่มต่อกลอน ร่อนลง ตรงทุกดวง

สำเร็จล่วง พ่วงสติ มิเลอะเลือน


วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

@ เก็บกลอนมาเล่าเรื่อง ๑


ดวงตาเศร้าเหงาจริง

มองทุกสิ่งน่าโหย

อีกเมื่อไหร่จะมา

มันอ่อนล้าและอ่อนแรง


ยามเข้าสู่นิทรา

คราวหลับตาฝันไปไกล

เห็นจันทร์ดวงใหญ่ใหญ่

ล่องลอยไกลจนลับตา


หงส์์คู่ทะยานเหิน

มุ่งสู่เนินฟ้าสวรรค์

เคียงคู่เกี่ยวก้อยกัน

บินขึ้นพลันสู่ชั้นดาวดึงห์


เขียนภาษาเป็นสื่อนำผลักแรงส่ง

ยังดำรงนึกห่วงหาดวงใจอยู่

ขอพลังแห่งจันทราย้ำให้รู้

ว่าฉันอยู่รอคอยเธอทุกค่ำคืน


ชื่อแมลงปีกบางบางมีหลายสี

ดูสวยดีเกาะดอกไม้อยู่ในสวน

กางปีกสวยท้าสายตาแสนรัญจวน

ดูนิ่มนวลอ่อนเนียนบางงดงามจริง




เขียนโดย : แมงก่ำเบ้อ...02.38 AM



@ นี่หรือ...แดนสวรรค์


เมืองในฝันวันฟ้าใส.....พรมดอกงาม

ทุกโมงยามอร่ามตา.....พาต้องมนต์

อยากนัวเนียล้มลงนอน.....พื้นดั่งพรม

ช่างน่าชมน่าเที่ยวมอง.....นอนข้างมัน


ใครมาเห็นใครมาพบ.....มาประสบ

อยากเข้าโอบอยากเข้ากอด.....ให้สุขสันต์

ใครเขาสร้างใครเขาทำ.....อยากไปพลัน

โลกสร้างสรรค์สิ่งดีดี.....งามต้องตา


ทุ่งลานกว้างสุดลูกตา.....พาหทัยชื่น

แสนชุ่มชื้นช่ำฤทัย.....สุขหรรษา

คราได้มองได้พินิจ.....พิจารณา

ปลื้มหนักหนาลานดอกฟ้า.....เมืองแดนไกล


แดนในฝันใครมาเห็น.....อยากเข้าชิด

น่าสนจิตอยากสัมผัส.....เข้าชิดใกล้

ดอกสวยสดงดงามแท้.....แสนวิไล

สวยไฉไลทุ่งทิวลิป.....วิจิตรจริง


 เนรมิตดั่งวาดฝัน.....แต่งแต้มเติม

ตกแต่งเสริมเพิ่มวิจิตร.....ทั่วทุกสิ่ง

แดงชมพูส้มเหลือบเขียว.....ช่างเพลิดพริ้ง

เป็นบุญยิ่งสุขสมใจ .....ถ้าได้ไป

แมงก่ำเบ้อ....24-02-54 / 22.25 น.
(ขอบคุณภาพประกอบและ Youtube ด้วยนะคะ)




@ ชื่อเรื่อง


--กล่าวไปถึง โลกหล้า เวลานี้
คนไม่ดี ครองเผ่า เราทั้งผอง
ขยับฟ้า สะเทือนดิน ผินมามอง
มารมันร้อง ออกมา ข้าอยากโต

--ง้วนดินมุด ผุดราก จากนรก
สกปรก รกตีนฟ้า ร้องข้าโก้
ว่าคาถา เสกอาจม ลมปากโว
คนชั่วโง่ โผมาดม ก้มลงกิน

--เหมือนดั่งดึง ท้องฟ้า มาให้ต่ำ
คนระยำ เลวทราม เหยียดหยามถิ่น
คนชั่วชาติ ต่ำทราม เต็มแผ่นดิน
สูงสุดสิ้น ลากเทวา เพื่อมาครอง

---เทวดา ชั้นฟ้า อาญาสิทธิ์
อิทธิฤทธิ์ ปัดเป่า เราทั้งผอง
ให้ร่มเย็น สุขล้น จนเนืองนอง
ใยมันต้อง เอามา หาเรื่องกัน

---อีกพวกหนึ่ง ยังมี ศรัทธาอยู่
กายใจสู้ เลือดเนื้อ เพื่อสวรรค์
เพราะรู้ว่า เทวดา แสนจาบัลย์
ด้วยท่านนั้น รักมนุษย์ แม้สุดเลว

---พวกชั่วช้า พวกบ้า พวกโง่เง่า
พวกหูเบา ยอมให้เขา เอาลงเหว
บัวใต้หิน ไร้วิญญาณ สันดานเลว
เละเหลวเป๋ว บัวเน่า เขลาจนตาย

---ผู้ใดกล้า หมิ่นเทวา พาลงต่ำ
มารระยำ หนึ่งตัว หัววายร้าย
อยู่ตีนฟ้า ถึงต่ำกว่า แต่สบาย
เลวฉิบหาย ประพฤติชั่ว มั่วโคลนตม

---คิดกำเริบ ด้วยมีฤทธิ์ ติดนิดหน่อย
มีเพียงน้อย พลอยหลงว่า ฟ้าอุ้มสม
มันจึงท้า เทวดา ให้มาชม
แต่ไม่สม ท่านไม่มอง ต้องหางตา

---มันจึงโกรธ เข้าควบคุม กลุ่มมนุษย์
เลวที่สุด เลวชาติ เลวกว่าหมา
ทำท่าหงษ์ บ่งตัวจริง ยิ่งอีกา
ไอ้ชาติห่า เกือบสำเร็จ เสร็จพวกควาย

---เข้าปลุกปั่น ล่อหลอก ตอกกิเลส
เกิดอาเพศ แผ่นดิน แทบสลาย
เทวดา ท่านร้าวรวด ปวดใจกาย
ฤๅคลี่คลาย แม้มีฤทธิ์ พิชิตคน

---ด้วยเทวา สูงเกินกว่า เสียงหมาเห่า
หมารุมเร้า เห่ากระโชก โลกสับสน
แสนสงสาร ด้วยเห็นว่า หมาเป็นคน
ที่ยากจน โดนมนต์หลอก กิเลสลวง

---ทวยเทพที่ คุ้มกัน สวรรค์อยู่
กับเหล่าผู้ รู้กิเลส เฝ้าบวงสรวง
ของเส้นไหว้ อันไหนจริง อันไหนลวง
ให้ลุล่วง เท่าทัน ฝันของมาร

---จึงแกล้งหลอก บอกขาน เป็นมารอยู่
มนุษย์รู้ เทพฝืนใจ ให้สงสาร
จึงรวมกลุ่ม ทุ่มวิชา บีฑามาร
กรรมฐาน พร้อมเพรียงทั่ว ทุกตัวคน

---มารเหิมเกริม เริ่มร้อนรุก ทุกสัดส่วน
ยังก่อกวน ป่วนสบาย คล้ายไม่สน
มันถือว่า จะอย่างไร ไม่ใช่คน
ฤทธิ์มากล้น เพราะมันดูด ขูดแผ่นดิน

---ทำเก่งกาจ ใช้อำนาจ วางบาตรใหญ่
บงการได้ เพียงควายชั่ว มั่วทรัพย์สิน
ควายว่าแน่ แต่ที่แท้ ถูกเชือดกิน
บางตัวสิ้น บางตัวสั่น ขวัญกระเจิง

---เหล่าทวยเทพ ที่ล้อมรอบ เริ่มขยับ
ใช้แผนลับ จับจุดมาร ทะยานเหลิง
มารก็มัว หลงฤทธิ์ หลงระเริง
ต้องเปิดเปิง เพลิงทวยเทพ เผากระจาย

---ไม่มีศาล ที่ไหน ให้สถิตย์
เหาะด้วยฤทธิ์ เป็นมารบ้า น่าใจหาย
แต่ยังมี สมุนมาร สันดานร้าย
คอยทำลาย แผ่นดิน ให้สิ้นไป

---ถึงเวลา เหล่าผู้กล้า ผู้พิสุทธิ์
รีบเร่งรุด ปราบมาร อสงไขย
มันอยู่นาน ปราบยาก อย่าอ่อนใจ
รวมกันไว้ จิตเป็นหนึ่ง ถึงสักวัน

---สมุนควาย จับไถนา เสียให้หมด
ช่วยกันลด พวกบัวเน่า อย่าหุนหัน
ความดีจริง ตอบชั่วช้า สารพัน
มารตัวนั้น ได้แค่พ่น น้ำมนต์มาร (พ่นน้ำลาย)

---เมื่อแผ่นดิน สิ้นมาร บ้านน่าอยู่
ร่วมเชิดชู คืนท่านสู่ วิมานสถาน
เพื่อให้องค์ เทวดา พาสำราญ
อยู่ยืนนาน คอยปกป้อง ผองแผ่นดิน

Omsin Vitoonphong,..24-02-54
(ขอบคุณภาพจาก internet นะครับ)
 


@ ป่า...จินตนาการ

(ขอบคุณภาพจาก internet นะคะ)

แสงสุริยันเบิกฟ้ายามรุ่งสาง

 เหล่าสกุณากางปีกเต้นตื่นรับ

 เตรียมพร้อมกายาออกบินไล่ตามจับ

ติดตามงับหาอาหารตามพงไพร


ท้องเวหาแจ่มจรัสต้องไออุ่น

หอมกลิ่นกรุ่นผ่านผิวกลิ่นหอมโชย

ผ่านแมกไม้แทรกซ้อนพักโบกโบย

หอมระโรยกลิ่นอ่อนอ่อนผ่านผิวกาย


หมู่แมกไม้ไหวเอนเอียงสั่นระริก

เสียดสีติดแออัดพันธุ์หลากหลาย

สูงตระหง่านปกคลุมพื้นพุมกระจาย

เขียวพรรณรายสวยสดงดงามจริง


แสงเรืองรองซอนแทรกกับพื้นผิดน้ำ

ดุจเลิศล้ำดั่งแพรแก้วไม่ไหวติ่ง

ระยิบระยับต้องเรืองแสงทองแน่นิ่ง

แพรแก้วพริ้งสว่างใยยามต้องตา


เสียงน้ำไหลดังแว่วแผ่วมาแต่ไกล

แทรกร่องทรายผ่านผิวดินสู่ธารา

ใสสะอาดดั่งผ้าขาวปกคลุมผา

พร่างพรูมาเป็นธารสายชุ่มช่ำดิน


ดอกไม้หญ้าบานชูช่อเตินเริงร่า

พันธุ์ไม้ป่าเถาเครือหวายเกาะโขนหิน

เขียวแดงแสดหลากสีสันทับทาบดิน

น่าถวิลคราได้ยลต้องมนตรา


กระท่อมน้อยกลางพงป่าแสนสงบ

แสงเรืองหลบพลบค่ำมาลาลับฟ้า

สัตว์น้อยใหญ่กลับรังนอนตะวันลา

คล้อยต่ำมาเหลือบสันเขาลำเนาไพร


แมงก่ำเบ้อ....240254 / 20.41 น.
 

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

@ มองแต่แง่ดีเถิด


..... มองแต่แง่ดีเถิด .....

เขามีส่วน.....เลวบ้าง.....ช่างหัวเขา

จงเลือกเอา.....ส่วนที่ดี.....เขามีอยู่

เป็นประโยชน์.....โลกบ้าง.....ยังน่าดู

ส่วนที่ชั่ว.....อย่าไปรู้.....ของเขาเลย

จะหาคน.....มีดี.....โดยส่วนเดียว

อย่ามัวเที่ยว.....ค้นหา.....สหายเอ๋ย

เหมือนเที่ยวหา.....หนวดเต่า.....ตายเปล่าเลย

ฝึกให้เคย.....มองแต่ดี.....มีคุณจริง



ที่มา : หนังสืออิ่มจิต
โดย : พุทธทาส อินฺทปญฺโญ
รัตนาวลี ลิปิกร......220254..10.11 น.

@ มงคลชีวิต ๒

ถ้าท่านทำตัวแข่งกับสังคม

ทางแห่งความล่มจมกำลังตามมา

ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า

ท่านจะพบกับปัญหาเรื่อยไป

ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้

ท่านอย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง

ถ้าท่านกลัวจนเกินไป

ท่านจะทำอะไรไม่ได้ความ

ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม

ท่านจะพบกับความเดือดร้อน

ถ้าท่านขาดความพอดี

ท่านจะเป็นหนี้เขาตลาดกาล

ถ้าท่านหวังแต่ความสนุก

ท่านจะเป็นทุกข์มหาศาล

ถ้าท่านขาดความยั้งคิด

ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย

ถ้าท่านทำใจให้สงบ

ท่านจะพบกับความสุขที่เยือกเย็น



ที่มา : หนังสืออิ่มจิต
รัตนาวลี ลิปิกร.......230254..09.54 น.

@ มงคลชีวิต ๑


อย่านอนตื่นสาย.....อย่าอายทำกิน

อย่าหมิ่นเงินน้อย.....อย่าคอยวาสนา

อย่าเสวนาคนชั่ว.....อย่าอบายมุข

อย่าสุกก่อนห่าม.....อย่าพล่ามก่อนทำ

อย่ารำก่อนเพลง.....อย่าข่มเหงผู้น้อย

อย่าคอยแต่ประจบ.....อย่าคบแต่เศรษฐี

อย่าดีแต่ตัว.....อย่าชั่วแต่คนอื่น

อย่าฝ่าฝืนกฎระเบียบ.....อย่าเอาเปรียบสังคม

อย่าชื่นชมคนผิด.....อย่าคิดเอาแต่ได้

อย่าใส่ร้ายคนดี.....อย่ากล่าววจีมุสา


อย่านินทาพระเจ้า..อย่าขลาดเขลาเมื่อมีทุกข์

อย่าสุขลืมตัว.....อย่าเกรงกลัวงานหนัก

อย่าพิทักษ์พาลชน.....อย่าลืมตนเมื่อมั่งมี



ที่มา : หนังสืออิ่มจิต
รัตนาวลี ลิปิกร....220254/09.22

@ อารมณ์คน

(ขอบคุณภาพจาก internet นะคะ)

อารมณ์คนเรา บางครั้ง ก็แปรปรวน
บ้างบางส่วน ก็ขาดหาย ไปไม่กลับ
บางครั้งนึก อะไร ไม่ออก มืดดับ
แม้จะจับ เขียนค้น หายัง ไม่เจอ

ความรู้สึก บางครั้ง ก็สับสน
ในบางครั้ง หดหู่ มานั่งเก้อ
มองเหม่อไป ไกลตัว บ้างก็เพ้อ
จนมันเบลอ เจอเรื่อง ไม่ค่อยดี

ทำให้เรา งุนงง คิดเรื่อยเปื่อย
จึงนั่งเฉย เลยนอน ให้เต็มที่
เพื่อที่ว่า กายา แข็งแรงดี
พอสุขี มีอารมณ์ เขียนกลอน

ก็นั่นแหล่ะ ตัวขี้เกียจ มันมีแยะ
มันคอยแซะ แทะเล็มมา หาสลอน
บางครั้งนึก แทบปวดหัว ตัวจนอ่อน
เพราะเขียนกลอน อ้อนอ่อนไง ใจรวนเร

ต้องมานั่ง ทำอารมณ์ ข่มรู้สึก
มานั่งฝึก สมาธิ ไม่หันเห
ให้ปัญญา มาสับทับ รับดวงแด
ให้แน่แท้ แม้สิ่งเร้า ต้องกลับกลาย
แมงก่ำเบ้อ..........23-02-54 / 03.00 น.

@ รสกลอน..บ้านกลอน


 ในห้องนี้มีแต่รักปักดวงจิต 

 คงไม่คิดว่ามีใครนั่งเศร้าหมอง 

แต่พออ่านได้ไม่นานกลอนมันฟ้อง 

มีแต่ร้องคร่ำครวญหาหวนคะนึง


มีพลัดพรากแล้วมีจากคนแดนไกล

ไม่สดใสมัวหมองมาเป็นหนึ่ง

อารมณ์เศร้าเคล้าน้ำตาพาสุดซึ้ง

ประดุจหนึ่งจะจากลามิหวนคืน


 บางอารมณ์หวานติดทรวงติดตรึงตรา

อ่านแล้วพาใจอ่อนไหวช่างชุ่มชื้น

อ่านแล้วเพราะเสียงเสนาะทุกค่ำคืน

ไม่ต้องฝืนความรู้สึกกลอนพาไป


กวีหลายอารมณ์หลากช่างแตกต่าง

อ่านมิวางกลับมาดูยามหลับใหล

 ตาต้องตื่นยามได้อ่านกลอนบทใด

พาให้ใจกระตุกตาต้องอ่านกัน


 ทุกทุกบทช่างน่าอ่านน่านับถือ

เพราะมันคืออักษรใจกาพย์กลอนฉันท์

ทั้งสาระมากมายนั้นแต่ละวัน

 พลัดเว้นกันร่อนลงมาที่บ้านกลอน


โดย : แมงก่ำเบ้อ...240254 / 19.23
 (ขอบคุณภาพจาก internet นะคะ)


คลังรูปภาพ

ตัวละครในวรรณคดี

ตัวละครในวรรณคดี
คลิกๆ ค้นหาได้นะคะ

อาหารไทย

อาหารไทย
รูปภาพอาหารไทยๆ มีให้เลือกที่หลากหลาย คลิกๆ เข้าดูเลยนะคะ

วันใสๆวัยร่าเริง

วันใสๆวัยร่าเริง
ความสดใสและความอ่อนไหวในของอารมณ์