@@@...ร่วมให้กำลังใจ เพื่อนๆ สมาชิก โดยการ Comment ภาพที่เขา Post มากันหน่อยก็ดี นะครับ !!
Add a comment.

WHO'S ONLINE / จำนวนผู้เข้าชมหน้าเว็บรวม

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าว แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

@ มาโกโตะ โคชินากะ ขอบคุณคนไทยที่ส่งแรงใจช่วยญี่ปุ่น

มาโกโตะ โคชินากะ ขอบคุณคนไทยที่ส่งแรงใจช่วยญี่ปุ่น

มาโกโตะ จะเดินทางมาขอบคุณคนไทยด้วยตัวเอง ในเดือนเมษายนนี้ พร้อมเชิญชวนสาวๆนำตลับแป้งที่ใช้แล้วยี่ห้อใดก็ได้ มาร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ ที่จะส่งพลังแรงใจความห่วงใยให้คนญี่ปุ่นร่วมกัน

หลังจากได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงเป็นอย่างดีกับการแสดงคอนเสิร์ตครบรอบ 10 ปี วง Lucifer ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ในปีที่ผ่านมา มาโกโตะ โคชินากะ (Makoto Koshinaka) ศิลปินหนุ่มสุดฮอต อดีตนักร้องนำวง Lucifer เตรียมตัวกลับมาปลุกกระแส J-rock ในเมืองไทยให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยเจ้าตัวบอกว่า เขาเองมีความประทับใจในเมืองไทย อาหารไทยอร่อย คนไทยน่ารักเป็นกันเอง และที่สำคัญ ที่สุดยังจดจำความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับจากแฟนคลับชาวไทยได้เสมอ มาโกโตะยังบอกอีกว่า การกลับมาเมืองไทย ในครั้งนี้ถือว่าพิเศษยิ่งกว่าทุกครั้ง เพราะนอกจากจะมาเพื่อพบปะแฟนคลับให้หายคิดถึงแล้ว ยังเป็นตัวแทนขอบคุณคนไทยทุกคนในความห่วงใยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ ต่อตัวเขาและชาวญี่ปุ่นหลังจากประสบเหตุภัยพิบัติ

Goldberry Japan กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางระดับพรีเมี่ยม ที่ค้นคว้า ผลิต เเละนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และมาโกโตะ โคชินากะ จึงขอเชิญชวนสาวๆ ทั่วประเทศนำตลับแป้งที่ใช้แล้วยี่ห้อใดก็ได้มาเป็นบัตรผ่านประตู เพื่อร่วมกิจกรรมที่จะส่งพลังแรงใจความห่วงใยให้คนญี่ปุ่นร่วมกันในวันพุธที่ 20 เมษายนนี้ ที่ลานฮอลลีวูด ฮอลล์ ชั้น 1 เมเจอร์รัชโยธิน ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป "หยุด...ทุกความงามไว้ที่คุณ" งานนี้สาวๆ แฟนคลับศิลปินสุดฮอต ห้ามพลาด นะจ๊ะ!!

ที่มา : http://lifestyle.th.msn.com
ดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่     www.goldberryjapan.com

@ "ชินวรณ์” สั่งล่าแก๊งหลอกฝากเด็ก

“ชินวรณ์”สั่งล่าแก๊งหลอกฝากเด็ก


“ชินวรณ์”เผยประกาศผลสอบและรายชื่อนักเรียนเงื่อนไขพิเศษราบรื่น สั่งล่ามิจฉาชีพหลอกฝากเด็ก ด้านประธานคณะกรรมการรับนักเรียนศธ.เผยหัวคะแนนรุมหน้าห้องผอ.ร.ร.ดัง หวังฝากเด็กหลังเด็กสอบไม่ติด ขณะที่สพม.เขต1-2 กรุงเทพฯเผยสรุปยอดเบื้องต้นเด็กในและนอกเขตพื้นที่รวมแล้วล้นกว่า 7 พันคน เร่งถกผอ.ร.ร.เกลี่ยไปยังโรงเรียนต่างๆ ยืนยันเด็กในเขตพื้นที่ทุกคนมีที่เรียน

 เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2554 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการรับนักเรียนชั้นม.1 ประจำปีการศึกษา2554ซึ่งตามปฏิทินของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)กำหนดให้โรงเรียนสังกัดสพฐ.ดำเนินการประกาศผลการสอบคัดเลือกและประกาศรายชื่อนักเรียนที่ได้เข้าเรียนชั้นม.1โดยเงื่อนไขพิเศษในวันนี้ว่า ได้รับรายงานว่าการรับนักเรียนเป็นไปด้วยราบรื่น ไม่มีผู้ปกครองร้องเรียน แต่ยังมีมิจฉาชีพที่แอบอ้างว่าสามารถฝากเด็กได้ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามหาข้อมูลของกลุ่มมิจฉาชีพเพื่อดำเนินคดีต่อไป

 นายวิทธยา บริบูรณ์ทรัพย์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เขต 1 กล่าวว่า ภาพรวมการรับนักเรียนไม่มีปัญหาอะไร กรณีของนักเรียนเงื่อนไขพิเศษยังไม่ได้รับร้องเรียนใดๆอย่างไรก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นเขต 1 มีปัญหาเด็กทั้งในเขตพื้นที่และนอกเขตพื้นที่ไม่มีที่เรียนรวมแล้วประมาณ1,000-2,000 คน

 ”เด็กในเขตพื้นที่นั้นยังมีโรงเรียนที่มีนั่งว่างอยู่รองรับได้ 2-3 โรงเรียน ก็ได้ให้เด็กในเขตพื้นที่ที่ยังไม่มีที่เรียนมายื่นจำนงในวันที่ 3-4 เมษายนที่สำนักงานสพม. เขต 1 และในวันที่ 4-5 เมษายนนี้ จะประชุมผอ.โรงเรียนมัธยมในสพม.เขต1 เพื่อวางแผนเกลี่ยเด็กไปยังโรงเรียนต่างๆ ขอยืนยันเด็กในเขตพื้นที่ทุกคนมีที่เรียนแน่นอน” นายวิทธยา กล่าว

 นายสุรศักด์ ศรีสว่างรัตน์ ผอ.สพม.เขต 2 กรุงเทพฯ กล่าวว่า เขต 2 มีเด็กสมัครชั้นม.1 ได้ 32,000 คน แต่รับได้เพียงกว่า 26,800 คน ทำให้มีเด็กทั้งในเขตพื้นที่และนอกเขตพื้นที่เกินอยู่รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,100 คนโดยในจำนวนนี้เป็นเด็กในเขตพื้นที่ประมาณ 1,500 คน ซึ่งจะให้เด็กในเขตพื้นที่ที่ยังไม่มีที่เรียนมายื่นความจำนงในวันที่ 3-4 เมษายนที่สำนักงานสพม. เขต 2 โดยประชุมผอ.โรงเรียนมัธยมในสพม.เขต 2 ในวันที่ 23-24 มีนาคมนี้เพื่อวางแผนเกลี่ยนักเรียนที่ยังไม่มีที่เรียนไปยังโรงเรียนสหกิจ และโรงเรียนคู่พัฒนา และขอยืนยันว่าเด็กในเขตพื้นที่ทุกคนมีที่เรียนแน่นอน ส่วนการประกาศรายชื่อนักเรียนเงื่อนไขพิเศษนั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับร้องเรียนใดๆ

 รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานคณะกรรมการกำกับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการรับนักเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวว่า วันนี้ได้ไปตรวจเยี่ยมการประกาศผลสอบและรายชื่อนักเรียนทีได้เข้าเรียนชั้นม.1 โดยเงื่อนไขพิเศษที่โรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ และโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยซึ่งอยู่ในอ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยาซึ่งในส่วนของนักเรียนเงื่อนไขพิเศษนั้นโรงเรียนทั้งสองแห่งได้ดำเนินการตามนโยบายของ รมว.ศธ.และเกณฑ์ที่กำหนด 7 ข้อ
 รศ.ดร.สุขุม กล่าวอีกว่า ในส่วนของโรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์นั้นเดิมกำหนดโควตารับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ 90 คนแต่เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติของนักเรียนแล้วพบว่ามีเด็กที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ 2-3 คน ทำให้มีที่นั่งนักเรียนเงื่อนไขพิเศษเหลือกว่า 80 คนโรงเรียนจึงรับนักเรียนที่สอบคัดเลือกได้คะแนนรองลงไปถัดจากลำดับสุดท้ายที่สอบได้เข้ามาแทนทำให้รับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษได้เต็มโควต้า ขณะที่โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยกำหนดโควตารับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ 200 คนแต่เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติของนักเรียนแล้วพบว่ามีเด็กที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์แค่กว่า 100 คน ทำให้มีที่นั่งเหลืออีกจำนวนมาก โรงเรียนจึงใช้วิธีเช่นเดียวกับโรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ รวมทั้งได้รับนักเรียนที่สอบคัดเลือกได้ลำดับสุดท้ายที่มีคะแนนเท่ากัน 6-7 คนเข้ามาเรียนทุกคน

 ”เท่าที่สอบถามผู้ปกครองในโรงเรียนทั้งสองแห่งนี้ต่างพอใจในนโยบายห้ามฝากเด็กของรมว.ศธ. และผอ.โรงเรียนต่างเห็นว่านโยบายของรมว.ศธ.เป็นนโยบายที่ดีและยินดีปฏิบัติตาม แต่ก็มีเสียงวิงวอนมาบ้างว่า อยากให้การห้ามฝากเด็กทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้ผอ.โรงเรียนไม่มีเพื่อนเหลือเลยเพราะในต่างจังหวัดอยู่กันแบบพึ่งพาอาศัยกันและเพื่อนๆต่างหวังฝากเด็ก ขณะเดียวกันหลังจากประกาศผลสอบแล้วอย่างโรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ซึ่งประกาศชัดเจนว่าแม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ฝากเด็กไม่ได้ แต่หลังประกาศผลสอบก็ยังมีหัวคะแนนนักการเมืองหลายคนมารออยู่หน้าห้องผอ.โรงเรียนเพื่อหวังฝากเด็กซึ่งผอ.โรงเรียนได้ชี้แจงไปว่าไม่สามารถรับฝากได้เพราะเป็นนโยบายรมว.ศธ.ห้ามฝากเด็ก” รศ.ดร.สุขุม กล่าว

 รศ.ดร.สุขุม กล่าวอีกว่า เชื่อว่าหลังจากนี้ปัญหาการหลอกลวง เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการฝากเด็กเข้าเรียนจะค่อยๆปรากฎออกมาเพราะผู้ปกครองไปไล่เบี้ย ส่วนกรณีที่มีผู้แอบอ้างฝากเด็กเข้าเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิตได้นั้นได้ไปตรวจสอบข้อมูลกับแม่ค้าในพื้นที่ต่างบอกตรงกันว่ามีผู้แอบอ้างจริงแต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน จะต้องให้ผู้ปกครองที่ถูกหลอกลวงมายืนยัน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯได้ให้โรงเรียนต่างๆส่งข้อมูลรายชื่อนักเรียนที่รายงานตัวเพื่อดำเนินการตรวจสอบและเก็บไว้เป็นข้อมูลใช้วางแผนรับนักเรียนในปีการศึกษาหน้า

 นายสุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ ผอ.โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กล่าวว่า การประกาศผลรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษเรียบร้อยดี จำนวนนักเรียนครบ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะก่อนหน้านี้โรงเรียนได้ประกาศให้ผู้ปกครองรับทราบเงื่อนไขพิเศษที่ชัดเจนไว้แล้ว อีกทั้งโรงเรียนก็ได้คัดกรองนักเรียนที่เข้าเกณฑ์การพิจารณา 7 ข้อ ฉายขึ้นจอให้คณะกรรมการรับนักเรียนมาวิเคราะห์เพิ่มเติม หากเกินจำนวนที่รับได้ก็จะมาพิจารณาคะแนนและเข้าหลักเกณฑ์หรือใกล้เคียงที่สุด

 “ผมว่านโยบายนี้เป็นนโยบายที่ดี เพราะ เป็นการกระจายคุณภาพการศึกษาไปยังโรงเรียนอื่น ทำให้โรงเรียนอื่นเข้มแข็งมากขึ้น อีกทั้งเกิดการมีส่วนร่วมคัดกรองจากคณะกรรมการรับนักเรียนอย่างแท้จริง และมีการประกาศผลอย่างรอบคอบโปร่งใสทั้งนักเรียนนอกเขตพื้นที่และในเขตพื้นที่ และ การประกาศผลรับนักเรียนรอบเดียวทำให้ผู้ปกครองกล้าตัดสินใจที่จะหาที่เรียนให้ลูกหลานไปเรียนโรงเรียนอื่นได้มากยิ่งขึ้น”นายสุวัฒน์ กล่าว

@ เปิดม่านการศึกษาประจำวันที่23มี.ค.54

เปิดม่านการศึกษาประจำวันที่23มี.ค.54

ตลอดสัปดาห์นี้ยังอยู่ในช่วงของการรับนักเรียนประจำปีการศึกษา 2554 แต่ปีนี้แปลกแตกต่างไปจากทุกปีที่ผ่านมา ด้วยนโยบายของ "ครูชินวรณ์" มุ่งมั่นเอาจริงกับการแก้ไขปัญหาเด็กฝากแป๊ะเจี๊ยะ

ที่ว่าแปลกนั้นคงเป็นนโยบายให้ประกาศรายชื่อรับนักเรียนด้วยเงื่อนไขพิเศษ ที่เล่นเอาบรรดา "ผอ.โรงเรียน" ดี เด่น ดัง มึนตึ๊บกันถ้วนหน้า เพราะประเพณีการรับเด็กแต่ละปีที่ผ่านมา การรับเด็กด้วยเงื่อนไขพิเศษ จะรับหลังสุดของการรับนักเรียนทุกประเภท
 0 มึนงงกันอยู่ยาวนาน ไม่รู้ว่าใครนะช่างคิด ช่างเสนอแนะจนนำไปสู่การ "ประกาศรายชื่อรับนักเรียนด้วยเงื่อนไขพิเศษ" ก่อนประกาศผลสอบข้อเขียน เพิ่งถึงบางอ้อ ก็เมื่อวันประชุมสัมมนาใหญ่ "ผู้บริหาร" โรงเรียนดี เด่น ดัง 369 โรงเรียน ระหว่างวันที่ 17-18 มี.ค.2554
 0 เมื่อ "ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน" เลขาธิการ กพฐ. จูงมือ "ดร.สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์" ผอ.ร.ร.บดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี) ขึ้นเวทีแนะนำให้บรรดาบิ๊ก "ผอ.โรงเรียน" ดี เด่น ดัง ได้รับรู้ที่มาของการ "ประกาศรายชื่อรับนักเรียนด้วยเงื่อนไขพิเศษ" ก่อนประกาศผลสอบข้อเขียน ว่าทั้งหมดเป็นข้อเสนอแนะของ "ดร.สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์" อดีต ผอ.ร.ร.บางกะปิ และอดีต ผอ.ร.ร.บดินทรเดชา 2 นั่นเอง

เมื่อเอ่ยชื่อ "ดร.สุวัฒน์" ทำให้คิดถึงผลงานที่พลิกฟื้นให้ "ร.ร.บางกะปิ" กลายเป็นโรงเรียนในฝันของพ่อแม่ผู้ปกครองสำเร็จ จากโรงเรียนที่มีนักเรียนมาสาย 300 คน ทุกวันกลับไม่มีเลย ไม่นับรวมผลงานอีกเพียบ และนี่คืออีกผลงาน ส่วนผลตอบรับจะได้ "ดอกไม้" หรือ "ก้อนอิฐ" เชื่อว่ากาลเวลาจะพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี



ที่มา : ครูแจ่ม

@ อาชีวะปลื้มเด็กแห่สมัครเข้าเรียนรอบแรก 1.6แสน

อาชีวะปลื้มเด็กแห่สมัครเข้าเรียนรอบแรก 1.6แสน

อาชีวศึกษาปลื้ม เด็กแห่สมัครเข้าเรียนรอบแรก 1.6 แสนคน เตรียมเปิดรับรอบ 2 วันที่ 20-30 เม.ย.ตั้งเป้าดึงเด็กอีก 6.5 หมื่นคน “นริศรา”เผยชื่อ 10วิทยาลัยที่เด็กสนใจสมัครเข้าเรียนมากสุด พร้อมด้วย 5 สาขาวิชาที่ได้รับความนิยม ฝากชวนนร.ที่พลาดหวังเข้าม.4 มาเรียนต่อในสายอาชีพมาก


เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2554 น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) พร้อมด้วย น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) แถลงข่าวผลการรับนักเรียน วิทยาลัยอาชีวศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) รอบแรก ระหว่างวันที่ 12-16 มี.ค.และนโยบายการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อเพิ่มปริมาณผู้เรียนสายอาชีพตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประจำปีการศึกษา 2554


น.ส.นริศรา กล่าวว่า สอศ.กำหนดวันรับนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 ออกเป็น 2 รอบ ในรอบแรกรับสมัครพร้อมกับโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อวันที่ 12-16 มี.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีผู้สมัครเข้าเรียนและเข้ารับการสอบคัดเลือกจำนวนกว่า 160,000 คน จากเป้าหมายการรับที่จำนวน 204,810 คน สาขาที่เด็กสนใจสมัครมากที่สุดมี 5 สาขา ได้แก่ สาขาพาณิชย์นาวี ,โลจิสติกส์ , มาตรวิทยา,ช่างเชื่อม/ช่างยนต์ และ อาหารและการเกษตร


ขณะเดียวกันก็ พบว่ามีวิทยาลัยที่ได้รับความนิยมมีนักเรียนไปสมัครเข้าเรียนต่อมากกว่าแผนการรับ 10 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์,วิทยาลัยเกษตรและเทคโนฌลยีอุทัยธานี,วิทยาลัยสารพัดช่างอุดรธานี,วิทยาลัยการอาชีพวารินชำราบ,วิทยาลัยการอาชีพสตึก,วิทยาลัยเทคนิคหากใหญ่,วิทยาลัยพาณิชยการบางนา,วิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช,วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่,วิทยาลัยเทคนิคสระบุรี,วิทยาลัยเทคนิคลำปาง และวิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์


ยอดสมัครรอบแรกที่เราเปิดรับสมัครพร้อม สพฐ.ได้มากขนาดนี้นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีแสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองและนักเรียนให้ความสนใจการเรียนต่อสายอาชีพมากขึ้น และจากนี้ สอศ.จะมีการเปิดรับสมัครเพิ่มเติมรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 20-30 เม.ย. ตั้งเป้าจะรับสมัครผู้เรียนสายอาชีพรอบนี้ถึง 65,900 คน โดยจะรับสมัครและทำการสอบคัดเลือก สอบวัดแวว และประกาศผลทันทีเพราะฉะนั้นอยากฝากถึงนักเรียนทุกคน ที่อาจจะพลาดหวังจากการสอบเข้ามัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนสังกัด สพฐ. ว่าอย่าเสียใจแต่ขอให้ลองมาสอบเข้าเรียนต่อในสายอาชีพ เพราะมีหลายสาขาที่น่าสนใจและสร้างอาชีพได้ พร้อมกันนี้ก็มีแนวโน้มที่ สอศ.จะเพิ่มจำนวนห้องเรียนในสาขาที่ได้รับความสนใจทั้ง 5 สาขาดังกล่าวด้วย โดยได้มอบนโยบายให้ เลขาธิการ กอศ.ไปทำงานในเชิงรุกต่อไป”น.ส.นริศรา กล่าว


น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการกอศ. กล่าวว่า สอศ.ได้ทำคู่มือการรับนักเรียนนักศึกษาสายอาชีพ ตามนโยบายของ ศธ.ประจำปีการศึกษา 2554 จำนวน 2 เล่ม สำหรับแจกให้เจ้าหน้าที่อาชีวศึกษาจังหวัด โดยเล่มแรกจะเกี่ยวกับการรับในรอบแรก ส่วนเล่มที่ 2 จะเป็นคู่มือกรณีการรับเพิ่มเติม ซึ่งก็คือการรับรอบที่สอง จะชี้แจงเป้าหมาย นโยบายที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเพื่อเพิ่มปริมาณผู้เรียนให้ได้ 65,900 คนตามเป้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สอศ.ได้วิเคราะห์และสรุปแนวทางการรับนักเรียนจากรอบแรกเพื่อนำไปสู่การปรับแนวทางรับรอบสอง วันที่ 20-30 เม.ย.นี้


ทั้งนี้ จะมีการเพิ่มจำนวนห้องเรียนในสาขาวิชาชีพที่มีความต้องการสูงหรือสาขายอดนิยมโดยจะเพิ่ม 1-2 ห้อง รวมถึงจะเปิดสาขาวิชาใหม่ที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานเพิ่มเติม แต่การเพิ่มจำนวนห้องเรียนนั้น สอศ.ต้องสนับสนุนทางด้านทรัพยากรแก่วิทยาลัยด้วย ทั้งเรื่องบุคลากรครู วัสดุอปุกรณ์ ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ ที่สำคัญคืองบประมาณโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพด้วยเพื่อให้วิทยาลัยสามารถจัดการเรียนการสอนได้คุณภาพและมาตรฐาน
 เลขาธิการกอศ. กล่าวอีกว่า  สำหรับการรับรอบสองนั้น รมช.ศธ. ต้องการให้เน้นทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อให้การสื่อสารไปถึงผู้ปกครอง นักเรียนที่ยังไม่มีที่เรียน ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางด้านเอกสาร หรือทางวิทยุ ซึ่งขณะนี้ สอศ.ได้มีการหารือกับทางกระทรวงมหาไทย (มท.) ในการจะใช้ช่องทางสื่อสารผ่านทางวีดีโอคอนเฟอร์เรนส์ในสร้างเครือข่ายทำความเข้าใจในระดับพื้นที่กับกลุ่มองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือการใช้วิทยุชุมชน หรือวิทยุของอาชีวศึกษา R-Radio ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น พร้อมกันนี้จะจัดทีมลงพื้นที่ประสานงานด้วย


นอกจากนี้ จะพัฒนาให้สายด่วนอาชีวศึกษา 1156 ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานการรับนักเรียน สอศ. ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องร้องเรียน และตอบปัญหาการรับนักเรียนด้วย

@ ร่วม21สถาบันเก็บข้อมูลตำรับยาหมอชาวบ้าน




          กรมการแพทย์แผนไทยเตรียมสำรวจคุณภาพหมอชาวบ้านเพื่อรับรองทางวิชาชีพ ส่ง นศ.วิชาการแพทย์แผนไทย 21 สถาบัน เก็บข้อมูลภูมิปัญญาหมอชาวบ้าน พร้อมผลักดันสมุนไพรอีกหลายชนิดเข้าบัญชียา งง ว่านหางจระเข้หายจากสารบบสมุนไพรชั้นยอดได้อย่างไร
พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาแพทย์แผนไทย รวมถึงยาตำรับแผนโบราณ โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนปริญญาตรีทางด้านการแพทย์แผนไทย 21 แห่ง โดยการกระชับนักศึกษาที่ลงพื้นที่ฝึกงานให้เก็บข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นจากหมอชาวบ้าน เพื่อนำกลับมาประเมินผลและบันทึกข้อมูลเอาไว้ด้วย ปัจจุบันกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยมีบัญชีรายชื่อแพทย์แผนไทยอยู่กว่า 50,000 รายชื่อ แต่ผ่านการรับรองโดยการขึ้นทะเบียนเพียง 100  รายเท่านั้น ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 8 ราย ที่ผ่านมาปัญหาเกิดจากข้อกำหนดในกฎหมายที่ระบุว่าผู้ที่จะทำการรักษาผู้อื่นจะต้องเป็นผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะเท่านั้น ดังนั้น ทางกรมจึงแก้ปัญหาโดยการตั้งอนุกรรมการเพื่อลงพื้นที่ประเมินคุณภาพหมอชาวบ้าน เพื่อขึ้นทะเบียนรับรองอีกครั้ง โดยประเมินจากความรู้ความสามารถในการใช้สมุนไพร และวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ว่าได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน หน่วยงานราชการ และบุคลากรในหน่วยงานราชการในพื้นที่หรือไม่ 
 นอกจากนี้ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทาวงเลือกยังได้เตรียมแผนการขึ้นทะเบียนยาสมุนไพรรักษาโรคอีกหลายชนิด โดยรวมไปถึงสมุนไพรว่านหางจระเข้ที่มีสรรพคุณในการรักษาแผลได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่รู้ว่าหลุดจากบัญชีรายชื่อยาสมุนไพรไปได้อย่างไร เบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว 


 "ขณะนี้เรายังผลักดันให้มีการตั้งโรงงานผลิตยาสมุนไพรที่เป็นที่ต้องการของตลาดแล้ว แต่ที่ผ่านมาเกิดปัญหาการขาดแคลนสมุนไพรบางตัว เมื่อเร็วๆ  นี้จึงได้มีการจัดประชุมร่วมกับเครือข่ายอุตสาหกรรมสมุนไพรทั่วประเทศเพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดหาแหล่งวัตถุดิบ"

@ เทคนิคสอนอังกฤษแบบรับอาเซียน

มทร.รัตนโกสินทร์ยกระดับคุณภาพอาจารย์สอนภาษา จัดโครงการEnglish Camp 23-25 มีนาคมนี้ หวัง จุดประกายความคิด เทคนิคการสอน จัดกิจกรรมภาษาอังกฤษแบบใหม่ๆ ตั้งเป้าจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในทุกสาขา ทุกคณะ รองรับประชาคมอาเซียน

ผศ.ดร.วรพร สุนทรวัฒนศิริ รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)รัตนโกสินทร์เปิดเผยว่าตามที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เห็นความสำคัญของการเรียนภาษาอังกฤษและส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาอีกทั้งใน ปี พ.ศ. 2558 นี้ประเทศไทยจะต้องเข้าสู่สังคมอาเซียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศหลักที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวางในวงการต่างๆ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงหาความรู้และการทำงานในด้านต่างๆ มทร.รัตนโกสินทร์ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษและการรองรับการก้าวสู่ประชาคม


นอกจากจะมีการจัดตั้งศูนย์ภาษาแล้วยังมีการอบรมทักษะด้านภาษาอังกฤษสำหรับอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาโครงการ English Camp for RMUTR English Instructors ระหว่างวันที่23-25 มีนาคม2554นี้เพื่อพัฒนาอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ทั้งทางด้านการพูด การฟัง รวมทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการใช้ภาษาอังกฤษ และเพิ่มทักษะให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นทัดเทียมมาตรฐานสากล


รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์มทร.รัตนโกสินทร์กล่าวต่อว่า โครงการ English Camp เป็นความร่วมมือกับสถาบันจากออสเตรเลียและได้รับเกียรติจากคณาจารย์ชาวต่างชาติมาเป็นวิทยาการในการบรรยาย ฝึกปฎิบัติ เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบ Competency Based และการวางแผนการจัดกิจกรรมภาษาอังกฤษในการสอน เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้สอน ให้อาจารย์ภาษาอังกฤษมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคใหม่ ๆ ในการสอนภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง และสามารถถ่ายทอดความรู้อย่างเป็นระบบ และถูกวิธีให้กับนักศึกษา รวมถึงมีความรู้ความสามารถ ทักษะ ในการใช้ภาษาอังกฤษและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้


ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการจัดโครงการEnglish Camp แก่อาจารย์และบุคลากรทางด้านภาษา โดยได้คัดเลือกอาจารย์ที่มีความสนใจ และสอนในวิชาภาษาต่างประเทศจำนวน 37 ท่านมาฝึกอบรม ก่อนจะมีการคัดเลือกอาจารย์ที่มีความพร้อมในการเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ให้แก่อาจารย์ในสาขาวิชาอื่นๆ ซึ่งเบื้องต้น คาดว่าจะให้มีการเรียนการสอนโดยใช้การใช้ภาษาอังกฤษในทุกวิชา จะเริ่มที่คณะบริหารธุรกิจ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ และคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ก่อนจะขยายไปสู่คณะต่างๆ ตามเป้าหมายของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาศักยภาพของอาจารย์ให้สามารถสื่อสาร ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนในทุกสาขาวิชา ทุกคณะ

ผศ.ดร.วรพรกล่าว
ที่มา : http://www.thaibizcenter.com

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

@ ร้องศาลปกครองกสพท.ไม่ประกาศผลภาษาไทย


ผู้ปกครอง- นร.ร้องศาลปกครอง กสพท.ตัดสิทธิ์ไม่ประกาศคะแนนภาษาไทย ชี้ไม่ได้กระทำผิด ยอมรับมีเสียงปลุกดังขึ้นจริงแต่โทรศัพท์ปิดอยู่ เชื่อไม่รบกวนผู้อื่น ครวญหากกสพท.ไม่ประกาศผลชวดติดคณะแพทย์ พระมงกุฎ ด้าน ประธานสอบคัดเลือกกลุ่มแพทย์ฯ ยืนยันทำตามข้อปฎิบัติ ไม่ได้ตัดสินมั่วซั่ว

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2554 นายสุขสันต์ ศรีธเนศกุล คุณพ่อของนายภาณน ศรีธเนศกุล นักเรียนชั้นปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เข้ายื่นฟ้องศาลปกครอง กรณีที่ลูกชายเข้าสอบกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย(กสพท.) ประจำปีการศึกษา 2554 และถูกกสพท.ตัดสิทธิ์ไม่ประกาศผลคะแนนวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา โดยทางกลุ่มกสพท.ให้เหตุว่า นายภาณน ได้กระทำผิดข้อปฏิบัติในการสอบคัดเลือกฯ นำโทรศัพท์มือถือไปที่สนามสอบ และไม่ได้ปิดมือถือ ทำให้เกิดเสียงดังรบกวนผู้อื่น

นายสุขสันต์ กล่าวว่าลูกชายของตน ได้เข้าสอบที่ศูนย์สอบคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งในการสอบวิชาอื่นๆไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ยกเว้นการสอบวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา โดยหลังจากสอบเสร็จ เจ้าหน้าที่ศูนย์สอบได้เข้ามาบอกว่าลูกชายกระทำผิดตามข้อปฎิบัติในการสอบ โดยไม่ได้ทำการปิดโทรศัพท์มือทำ ทำให้มือถือที่วางอยู่หน้าห้องสอบมีเสียงดังรบกวนผู้อื่น ซึ่งตอนนั้น ลูกชายได้ชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่คุมสอบเรียบร้อยแล้วว่า เขาไม่ได้ทำผิดระเบียบ ข้อปฎิบัติในการคุมสอบ เพราะเขาได้ทำการปิดโทรศัพท์มือถือ วางไว้นอกห้องสอบตามที่ศูนย์สอบกำหนด ส่วนสาเหตุที่มีเสียงจากโทรศัพท์ดังขึ้นนั้น พอตรวจสอบจากโทรศัพท์พบว่า โทรศัพท์ได้มีการปิดจริง

แต่ลูกชายได้ตั้งเสียงนาฬิกาปลุกไว้ก่อนทำการปิดโทรศัพท์ ทำให้มีเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น แต่เสียงดังกล่าวไม่รบกวนเด็กที่เข้าสอบอย่างแน่นอน เพราะโทรศัพท์ตั้งไว้ไกลจากห้องสอบ ไม่สามารถมีเสียงเข้ามาถึงห้องสอบได้ และตอนนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้าใจ บอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เมื่อวันประกาศผลสอบคะแนนวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา ทางกสพท.กลับไม่ประกาศผล และให้เหตุผลว่าลูกชายกระทำผิดข้อปฎิบัติในการสอบคัดเลือก

“ผมมายื่นฟ้องศาลปกครองแทนลูกชายครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องความถูกต้องให้แก่ลูกชายของผม เพราะเขาไม่ได้กระทำผิด และหากกลุ่มกสพท.ไม่ประกาศผลคะแนนวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา จะทำให้ลูกชายสูญเสียโอกาสในการเข้าเรียนแพทย์ เนื่องจากลูกชายตั้งใจสอบ อ่านหนังสือเพื่อให้สอบติดคณะแพทยศาสตร์อย่างมาก และผลคะแนนการสอบวิชาอื่นๆ อยู่ในระดับที่ดี หาก กสพท.ประกาศผลวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา เมื่อรวมกับวิชาอื่นแล้วจะทำให้ลูกชายตนสามารถสอบติดคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎ ” นายสุขสันต์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายภาณณ ได้ยื่นหนังสือคำร้องไปยังกลุ่มกสพท.เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ความคืบหน้าในการพิจารณาผลอย่างไร ดังนั้น การยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้ทาง กสพท.พิจารณาผลเร็วขึ้น เพราะตอนนี้ก็ใกล้วันตรวจร่างกายและสอบสัมภาษณ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 2-10 มี.ค.นี้

ด้านศ.พญ.บุญมี สถาปัตยวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต ปีการศึกษา 2554 ว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น กสพท.ขอยืนยันว่าดำเนินการตามข้อปฎิบัติการสอบคัดเลือกฯ ที่ทางกสพท.ได้ประกาศไว้ คือ กสพท. อนุญาตให้นำอุปกรณ์ดังต่อไปนี้เท่านั้น เข้าห้องสอบได้คือ ดินสอ กบเหลาดินสอ ปากกา น้ำยาลบคำผิด และนาฬิกาแบบเข็ม ห้ามนำ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด โทรศัพท์มือถือ และนาฬิกาที่บอกเวลาเป็นตัวเลข เข้าไปในห้องสอบเด็ดขาด

และ. ถ้าผู้เข้าสอบนำอุปกรณ์ที่ห้ามในข้อ 1. ไปที่สนามสอบ จะต้องปิดมือถือและถอดแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือออกจากเครื่อง ถอดนาฬิกาที่บอกเวลาเป็นตัวเลข และฝากไว้ในที่ที่กรรมการกำหนด หากตรวจพบในห้องสอบและ/หรือมีสัญญาณติดต่อระหว่างการสอบ จะถือว่าเจตนาทุจริต จะไม่มีการตรวจข้อสอบวิชานั้นๆ ซึ่งกสพท.ได้ประกาศย้ำ และให้เจ้าหน้าที่คุมสอบแจ้งให้นักเรียนที่เข้าสอบรับทราบ ดังนั้น หากนักเรียนเล็งเห็นว่าตัวเองถูกต้อง สามารถยื่นคำร้องต่อกสพท.ได้ แต่จะมีทบทวนหรือไม่นั้น คงต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนอย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่ผู้ปกครองยื่นฟ้องศาลปกครอง กรณีกสพท.ไม่ประกาศผลคะแนน เป็นสิทธิ์ที่สามารกระทำได้ แต่กสพท.ขอย้ำว่าการไม่ประกาศผลคะแนนแก่เด็กไม่ได้กล่าวหาว่าเด็กทุจริต แต่เป็นการตัดสินตามข้อปฎิบัติ กฎเกณฑ์ที่นักเรียนเข้าสอบกสพท.ต้องปฎิบัติตาม

ทั้งนี้ สำหรับข้อปฏิบัติในการสอบมีดังนี้ 1. ห้ามกระทำการทุจริตใดๆ ในการสอบครั้งนี้ไม่ว่าก่อนขณะ หรือหลังการสอบ2. ควรจะไปถึงสนามสอบก่อนเวลารายงานตัวเข้าห้องสอบประมาณ 1ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบตึกห้องสอบ และผังที่นั่งสอบ3. ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าสอบเข้าห้องสอบหลังจากเวลาที่กำหนดเริ่มสอบผ่านไปแล้ว 15 นาทียกเว้นหัวหน้าสนามสอบพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

และได้อนุมัติเป็นลายลักษณ์ อักษรให้เข้าสอบได้โดยผู้เข้าสอบต้องไปรายงานตัวที่กองอำนวยการสอบของสนาม สอบ ผู้เข้าสอบทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องสอบจนกว่าจะหมดเวลาสอบและ กรรมการคุมสอบอนุญาต4. ในการสอบทุกครั้งจะต้องนำบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบ (กสพท.11)พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่มีภาพถ่ายที่ทางราชการออกให้ โดยบัตรที่นำมาแสดงนั้นต้องไม่หมดอายุ วางไว้บนโต๊ะที่นั่งสอบหรือแสดงต่อกรรมการคุมสอบ บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบ(กสพท.11) ที่มีการขีดเขียนข้อความหรือสัญลักษณ์ใดๆไว้ จะถือว่าเป็นการทุจริตในการสอบ

5. ห้ามพกกระดาษใดๆ เครื่องบันทึกภาพทุกชนิด เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด หากมีให้ปิดเครื่องแล้ววางในที่ที่กรรมการกำหนด หากตรวจพบในห้องสอบ จะถือว่าเจตนาทุจริต6. ถ้ามีการทุจริตไม่ว่ากรณีใดๆ ผู้คุมสอบหรือกรรมการดำเนินการสอบคัดเลือกฯ จะบันทึกไว้ที่กระดาษคำตอบ หรือโดยวิธีที่ผู้เข้าสอบอาจจะไม่รับทราบก็ได้ และจะไม่พิจารณาให้คะแนนการสอบทุกฉบับ นอกจากนี้จะเสนอชื่อให้พิจารณาตัดสิทธิ์การสมัครเข้าศึกษาของกสพท. ตลอดไป รวมทั้งอาจดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย 7. ห้ามนำข้อสอบหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อสอบออกจากห้องสอบโดยเด็ดขาด8. ในการเข้าสอบ ให้ผู้เข้าสอบแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรียน นักศึกษา หรือแต่งกายสุภาพผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีไม่ฉูดฉาด กางเกงขายาวสีและแบบสุภาพ (ห้ามสวมกางเกงยีนส์) สวมถุงเท้าและใส่รองเท้าหุ้มส้น สำหรับผู้หญิงใส่เสื้อมีแขนสีไม่ฉูดฉาด สวมกระโปรงคลุมเข่า รองเท้าหุ้มส้นหรือมีสายรัดส้น มิฉะนั้นอาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสอบ

9. เมื่อได้รับสัญญาณให้เข้าห้องสอบแต่ละคาบของการสอบ ผู้เข้าสอบจะต้องแสดงบัตร ประจำตัวผู้สมัครสอบและบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่มีภาพถ่ายที่ทางราชการออกให้โดยบัตรที่นำมาแสดงนั้นต้องไม่หมด อายุให้กรรมการคุมสอบตรวจสอบทุกครั้งเมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสอบ ให้ผู้เข้าสอบเข้านั่งให้ตรงที่นั่งซึ่งมีเลขรหัสประจำตัวผู้เข้าสอบติดอยู่ ห้ามเปิดหรือทำข้อสอบก่อนอนุญาตโดยเด็ดขาด ให้ผู้เข้าสอบทุกคนอ่านกติกาที่ปกข้อสอบอย่างละเอียดรอบคอบและปฏิบัติ ตามอย่างเคร่งครัด และ10. การสอบแต่ละคาบจะไม่อนุญาตให้ออกนอกห้องสอบก่อนหมดเวลาสอบ จึงควรทำกิจธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนเข้าห้องสอบ ซึ่งหากผู้เข้าสอบไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบการสอบอย่างเคร่งครัดกสพท.จะตัด สิทธิ์ในการสอบ หรือไม่พิจารณาให้คะแนนคำตอบทุกฉบับ





ที่มา : คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2554
 http://www.kroobannok.com/41979

@ ประเมินผลร.ร.โชว์ชื่อผ่านเว็บ

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (ผอ.สมศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 3 (พ.ศ.2554-2558) ว่า สมศ.เตรียมออกประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษา ทั้ง 3 ระดับ คือระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับอาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา โดยในปีงบประมาณ 2554 มีสถานศึกษาเข้ารับการประเมินทั้งหมด 8,000 แห่ง และจะเริ่มประเมินในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม และกันยายนนี้ ส่วนสถานศึกษาที่เหลือก็จะเริ่มประเมินในปีงบประมาณต่อไป อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สมศ.ได้ออกเตรียมความพร้อมให้สถานศึกษาที่จะเข้ารับการประเมิน โดยได้ชี้แจงทำความเข้าใจให้รับรู้ที่มาที่ไปของเกณฑ์การประเมินและตัวบ่ง ชี้อย่างละเอียดเพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวเข้ารับการประเมิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีความเข้าใจ ซึ่งภายหลังการประเมิน สมศ.จะนำรายชื่อทั้งสถานศึกษาที่ผ่านการประเมินและไม่ผ่านขึ้นเว็บไซต์ของ สมศ. โดยสถานศึกษาที่ผ่านก็เท่ากับว่าได้รับรองโดย สมศ.แล้ว ขณะที่สถานศึกษาที่ไม่ผ่านก็จะต้องทำแผนพัฒนาส่งให้ สมศ.พิจารณาภายใน 30 วัน และเร่งปรับปรุงให้ได้มาตรฐานภายใน 2 ปี สำหรับมหาวิทยาลัยที่ไม่อาจพัฒนาตามแผน ก็จะเป็นประวัติของสถาบัน ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดจะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป 

ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของศูนย์การจัดการศึกษานอกที่ตั้ง ในส่วนของสถาบันอุดมศึกษานั้นคณะกรรมการบริหาร สมศ.มีมติว่าให้ถือว่าถ้าศูนย์ฯ ที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะ ก็ให้ถือว่าศูนย์ฯ นั้นขึ้นอยู่กับคณะ แต่ถ้าศูนย์นั้นบริหารจัดการโดยมหาวิทยาลัย ก็ให้ถือว่าเทียบเท่ากับ 1 คณะ สำหรับเกณฑ์ในการประเมินนั้น จะจำแนกมหาวิทยาลัยออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ มหาวิทยาลัยที่มีคณะแค่ 3 คณะจะต้องผ่านการประเมินจาก สมศ.ทั้ง 3 คณะ จะตกคณะใดคณะหนึ่งไม่ได้ สำหรับมหาวิทยาลัยที่มีคณะตั้งแต่ 4-10 คณะ ให้ตกได้ไม่เกิน 1 คณะ ถ้าตกเกินกว่านั้นถือว่ามหาวิทยาลัยไม่ผ่านการประเมิน ส่วนมหาวิทยาลัยที่มีคณะตั้งแต่ 11 คณะขึ้นไป ให้ตกประเมินได้ไม่เกิน 10% ถ้าเกินกว่านั้น ก็ถือว่า มหาวิทยาลัยไม่ผ่านการประเมินเช่นกัน 

ทั้งนี้ สมศ.จะประเมินศูนย์ฯ ตามรายชื่อที่มหาวิทยาลัยจัดส่งมาให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่งปัจจุบัน สกอ.ได้รับแจ้งจากสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 85 แห่ง ที่มีการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้ง มีศูนย์นอกสถานที่ตั้งจำนวนทั้งสิ้น 575 ศูนย์ฯ และมีสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 17 แห่ง ที่แจ้งว่าไม่มีการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้ง สำหรับศูนย์การจัดการศึกษานอกที่ตั้งแห่งใดที่มหาวิทยาลัยไม่ได้แจ้งรายชื่อ ศูนย์ต่อ สกอ. และ สมศ.ตรวจพบภายหลัง ก็จะปรับตกทั้งสถาบันทันที



ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง,ข่าวการศึกษา - ครูบ้านนอกดอทคอม
http://www.kroobannok.com/41984

@ ตื่น!นกปากห่างนับแสน บุกยึดพื้นที่ที่อ่างทอง


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

3 มี.ค. 54  รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ ต.ศรีพรานและ ต. จำลอง อ.แสวงหา จ. อ่างทอง ชาวบ้านต่างต้องหวาดผวา และเดือดร้อนกันอย่างหนัก หลังมีนกปากห่างและนกเป็ดน้ำนับแสนตัว 

ได้บินอพยพมา อาศัยอยู่ในบริเวณบ่อร้างของหมู่บ้านซึ่งมีเนื้อที่กว่า 100ไร่เป็นจำนวนมาก ทำให้พืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงหายเสียอย่างหนัก เนื่องจากถูกฝูงนกเหยียบย่ำเข้าไปหาอาหาร เบื้องต้นนายสืบสวัสดิ์ ภาคพิบูลย์ ปศุสัตว์จังหวัดอ่างทอง และนายสมศักดิ์ ทองกัญชร นายอำเภอแสวงหา จ.อ่างทอง ได้สั่งแก้ไขปัญหาด้วยการนำคณะออกฉีดยาฆ่าเชื้อไข้หวัดนกในพื้นที่โดยรอบ สัปดาห์ละ 3ครั้ง

อีกทั้งได้นำซากนกที่ตาย ไปสุ่มตรวจหาเชื้อและเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของนกเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ความรู้กับชาวบ้านเกี่ยวกับไข้หวัดนก เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อระบาดอีกทางหนึ่ง ขณะที่การแก้ไขปัญหาระยะ ยาวนั้นทางปศุสัตว์และทางนายอำเภอแสวงหาพร้อมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ เตรียมจะตัดต้นไม้ในบริเวณดังกล่าวที่มีอยู่เป็นจำนวนมากทิ้ง เพราะเชื่อว่าเอื้อต่อการเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของนก “หากไม่มีต้นไม้ นกก็ไม่มีที่อยู่ และมันคงอพยพหนีไปที่อื่นเอง”


ที่มา : http://news.mthai.com/general-news/105265.html

@ ชาวประมงจีนอึ้ง เจอฉลามยักษ์ฺ หนักถึง 4 ตัน





ชาวประมงจีนอึ้ง เจอฉลามยักษ์ฺ หนักถึง 4 ตัน 

ชาว ประมงจีน ถึงกับตะลึงเมื่อเจ้าฉลามยักษ์ตัวหนึ่ง ติดแหจับปลาของชาวประมงอย่างบังเอิญ โดยสื่อของจีนรายงานว่า ขนาดของมันมีความยาวประมาณ 7 เมตร หนักถึง 4 ตัน





โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ชาวประมงลำดังกล่าว กำลังออกเรือหาปลาในเมืองไถโจว มณฑลเจ้อเจียง ก็พบกับปลาฉลามยักษ์ติดมาในแห เสียดายที่มันตายไปแล้ว ชาวบ้านจึงช่วยกันนำร่างขึ้นมาที่ท่าเรือ



ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/105273.html

@ ผวาผีเปรตอาละวาด! ชาวสองแควจัดพิธีทำบุญ-อุทิศส่วนกุศล

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว


4 มี.ค. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ซอยสามัคคีร่วมใจ2 ต.อรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ชาวบ้านได้พากันจัดพิธีเลี้ยงเพลพระ และทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลเป็นการใหญ่ หลังต่างหวาดผวาหนัก เนื่องจากมีข่าวลือว่าได้มีผีเปรตอาละวาดต้องการมาเอาชีวิตคนในหมู่บ้านไป สังเวย 9คน

ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้าน ได้ความว่า ก่อนจะมีพิธีทำบุญใหญ่ในครั้งนี้ เมื่อประมาณ 3สัปดาห์ก่อน ที่หมู่บ้านได้มีคนเสียชีวิตลงโดยไม่ทราบสาเหตุติดต่อกันถึง 3ราย ซึ่งทุกล้วนแล้วมีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคภัยเบียดเบียน 

จากนั้นก็มี ชาวบ้านคนหนึ่งได้นำเรื่องดังกล่าวไปเล่าให้กับร่างทรงฟัง  ซึ่งร่างทรงก็ได้ทำนายว่า การตายดังกล่าวเป็นฝีมือของผีเปรตที่ต้องการมาเอาชีวิตของคนในหมู่บ้าน จนทำให้ชาวบ้านต่างหวาดกลัว จึงจัดพิธีทำบุญขึ้นดังกล่าว

“การทำบุญใน ครั้งนี้เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับพี่เปรตและญาติมิตร ที่ล่วงลับไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นกรทำบุญให้กับสัมพเวสี และเพื่อเป็นสิริมงคลและต่อชะตาให้กับตนเองกับคนในครอบครัวไปในตัวด้วย” ชาวบ้านคนเดิมกล่าว



ที่มา : http://news.mthai.com/general-news/105317.html

@ ไทยจ่าย 5 ล้าน แลก หลินปิง อยู่ไทยต่ออีก 2 ปี


วานนี้ นายโสภณ ดำนุ้ย ประธานสวนสัตว์อาเซียน เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีการขอขยายเวลาให้แพนด้าหลินปิง อยู่ในเมืองไทยต่ออีก 2 ปี ซึ่งเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากสหรัฐอเมริกา ว่า ตอนนี้สัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องรอการประกาศอย่างชัดเจนจากทางการจีน โดยนายกรัฐมนตรีของจีน จะเป็นผู้แถลงเอง

ทั้งนี้ไทยจะมอบเงิน 5 ล้านบาท เพื่อดูแลและสนับสนุนงานอนุรักษ์และวิจัยแพนด้าในจีน ในช่วง 2 ปีดังกล่าว


ที่มา : http://news.mthai.com/general-news/105325.html

@ เผยโฉม ภาพคนหน้าโหล ที่สุดในโลก


4 มี.ค.54 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค

ได้เผยภาพใบหน้าพื้นฐานที่เชื่อกันว่ามีโอกาสที่คนอื่นจะมีใบหน้าละหม้ายคล้ายคลึงมากที่สุดในโลก
โดย การทำวิจัยดังกล่าว เป็นการนำภาพใบหน้าของชายทั่วโลกราว 2แสนคน มารวมกันจนได้ใบหน้าที่มีลักษณะเป็นใบหน้าของชาวฮั่น อายุประมาณ 28 ปี และคาดว่า ณ ปัจจุบันนี้มีคนหน้าเหมือนแบบตัวอย่างแล้วถึง 9 ล้านคนทั่วโลก



ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/105347.html

@ GT200 หลบไป!! นักวิทย์คิดค้น พืชตรวจหาระเบิด


Mthai news: นัก วิทยาศาสตร์กำลังให้ดูพืชที่อ้างว่า สามารถตรวจหาวัตถุระเบิดได้ ซึ่งต่อไปนี้มันไม่เพียงแต่ใช้สำหรับรับประทานเท่านั้น แต่พวกเขาได้พัฒนาให้สามารถ เป็นเครื่องมีในการต่อต้านการก่อการรร้ายได้
ทั้ง นี้กระบวนการทำงานนั้น ใช้โปรตีนเป็นตัวรับสัญญาณในดีเอ็นเอของพืช แล้วตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติต่อตัวกระตุ้นที่เป็นภัยคุกคาม อาทิ วัตถุระเบิด ด้วยการปล่อยสารเคมีที่ชื่อว่า “เทอร์พีนอยด์” ที่ทำให้เปลือกชั้นนอกของต้นไม้หนาขึ้นและเปลี่ยนสี

“พืชดังกล่าวไม่สามารถหนีหรือซ่อนตัวจากภัยคุกคามได้” ศาสตราจารย์ จูน เมดฟอร์ด นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยโคโรลาโดกล่าว  ดังนั้น มันจึงพัฒนากลไกอันซับซ้อนเพื่อตรวจหาและรับมือสภาพแวดล้อมได้ โดยการ ทำงานนี้ จะนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยดัดแปลงกลไกการป้องกันตัวตามธรรมชาติของ ต้นไม้  ทำให้ตัวรับสัญญาณของต้นไม้ตอบสนองในแบบเดียวกันต่อสารเคมีที่พบในวัตถุ ระเบิด รวมทั้งในมลพิษทางน้ำและอากาศด้วย


เมดฟอร์ด กล่าวว่า ต้นไม้อัจฉริยะนี้ จะตรวจหาสารและเปิดใช้งานสัญญาณภายใน ที่ทำให้สีเขียวในตัวจางลงจนกลายเป็นสีขาวในที่สุด
อย่าง ไรก็ตาม กลไกของพืชชนิดนี้ จะแสดงผลที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งบรรดานักวิจัยกล่าวว่า อาจจะดีกว่าความสามารถของสุนัขเลยทีเดียว

ที่มา : http://news.mthai.com/world-news/105365.html

@ ตื่น พบจระเข้แช่แข็งที่โปแลนด์


4 มี.ค. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ป่ามาซูรี ใกล้เมืองออสโตรดา ทางภาคเหนือของโปแลนด์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปตรวจสอบซากจระเข้ตัวหนึ่งยาว 1.5 ม. หนัก 20 ก.ก. หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบมันถูกแช่แข็งนอนตายอยู่ที่ป่า

จาก นั้นเจ้าหน้าที่จึงนำซากของมันไปตรวจหาสาเหตุของการตายที่สถาบันกายวิภาค ศาสตร์ด้านพยาธิวิทยาของมหาวิทยาลัยวอร์เมีย และมาซูรี ในเมืองออลสตีนที่อยู่ใกล้กันกับที่เกิดเหตุ
และผลชันสูตรเผยว่า เจ้าจระเข้เคราะห์ร้ายตายด้วยวิธีทางธรรมชาติ เนื่องจากไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ทั้งนี้จระเข้ตัวดังกล่าวเป็นเพศเมีย และเป็นพันธุ์ที่หายากที่สุดในโปแลนด์ด้วย



ที่มา : http://news.mthai.com/news-clips/105358.html

คลังรูปภาพ

ตัวละครในวรรณคดี

ตัวละครในวรรณคดี
คลิกๆ ค้นหาได้นะคะ

อาหารไทย

อาหารไทย
รูปภาพอาหารไทยๆ มีให้เลือกที่หลากหลาย คลิกๆ เข้าดูเลยนะคะ

วันใสๆวัยร่าเริง

วันใสๆวัยร่าเริง
ความสดใสและความอ่อนไหวในของอารมณ์